ในปี 1990 มีเหตุการณ์ของคดีความทารุณกรรมทางเพศที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเกิดขึ้น เมื่อมีครอบครัวหนึ่งสร้างเหตุการณ์สะเทือนขวัญให้กับคนทั้งโลก ผู้หญิงคนหนึ่งมีชื่อว่า โรสแมรี่ และมีแฟนหนุ่ม ชื่อ เฟร็ด ถูกจับกุมหลังจากก่อเหตุฆ่าลูกสาวตัวเองและซ่อนศพเอาไว้ภายในบ้าน เหตุการณ์ไม่เป็นแค่เช่นนั้นภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวทั้งคู่แล้ว ยังพบศพอีกมากมายที่ถูกซ่อนภายในบ้าน สองคนสามีภรรยาคู่นี้มีจิตวิปริตไม่ปกติเลย ทั้ง 2 คน ล่อลวงหญิงสาวมากมายมาข่มขืน ทารุณกรรมทางเพศแบบผิดมนุษย์ และจุดจบของผู้หญิงทุกคนก็คือฆ่าทิ้ง และยังหั่นศพแยกชิ้นส่วนศพออก แต่เรื่องราวที่โหดร้ายที่สุดในคดีนี้ คือ โรส และ เฟร็ด ได้ร่วมกันฆ่าลูกสาวคนโตทิ้ง เพราะเนื่องจากลูกสาวของพวกเขานำความลับนี้ไปเล่าหรือบอกต่อให้เพื่อนๆ ของเธอฟัง ในการก่อคดีสะเทือนขวัญครั้งนี้ ถูกจับได้เนื่องจากลูกสาวของเธอได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อนบ้านเป็นคนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับเรื่องราวประหลาดๆ เพราะสังเกตได้ว่า ลูกสาวของเธออยู่ดีดีก็หายตัวไป และเมื่อสอบถามจากโรสและเฟร็ดทั้ง 2 คน ก็บอกว่าลูกสาวของพวกเขาได้หนีออกบ้าน แถมพูดกับทุกคนว่าลูกสาวเป็นเลสเบี้ยน แต่เพื่อนบ้านไม่มีใครเชื่ออย่างที่พวกเขาเล่ามาเลย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำตรวจเพื่อตรวจค้น ภายในบ้าน แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือ เมื่อยิ่งค้นหายิ่งพบเจอศพอยุ่ภายในบ้านไม่ต่ำกว่า 10 ศพ แต่โรสก็ไม่ได้ให้การใดๆ ทั้งสิ้น ส่วน เฟร็ด นั้น ให้การรับสารภาพหมดเปลือกรวมไปจนถึงเรื่องฆ่าลูกสาวตัวเองด้วย เนื่องจากตอนที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้านพบศพของลูกสาวที่ถูกหั่นและแยกชิ้นส่วนรวมปะปนอยู่กับศพอื่นๆ อีกด้วย ต่อมาไม่นานหลังจากที่สารภาพผิดได้ไม่นาน เฟร็ด ผูกคอตาย ส่วน โรส ไม่มีทีท่าจะสำนึกผิดแต่อย่างใด และยังคงใช้ชีวิตตามปกติ จนศาลตัดสินให้โรสจำคุกตลอดชีวิต คดีนี้โด่งดังอย่างมาก มีการณ์นำมาเขียนและพูดถึงใหม่เกือบทุกปีนับว่าเรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนจิตใจคนอ่านไม่น้อยเลยทีเดียว
หญิงสาวที่มีคดีทารุณกรรมทางเพศที่เลวร้ายที่สุดในโลกเป็นใคร
